ฟอกไตทางช่องท้อง Vs ฟอกไตทางหลอดเลือด แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

บทความสุขภาพ

04 มิ.ย. 2568
ครั้ง

ฟอกไตทางช่องท้อง Vs ฟอกไตทางหลอดเลือด แบบไหนที่เหมาะกับคุณ?
      ไต ทำหน้าที่ขจัดของเสียและรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย เมื่อไตไม่สามารถทำงานได้เช่นเดิม น้ำส่วนเกินและของเสียสะสมจะส่งผลกระทบต่อร่างกายหลายระบบและอาจร้ายแรงถึงชีวิต ซึ่งการฟอกไต เป็นหนึ่งในแนวทางการรักษาโรคไตที่ช่วยประคับประคองให้ร่างกายสามารถทำงานได้ใกล้เคียงปกติ  และสามารถยืดอายุของผู้ป่วยให้มีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น

ป่วยเป็นไตวายเรื้อรังมานาน ต้องฟอกไตเมื่อไหร่
      ส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เริ่มวางแผนรักษาด้วยการฟอกไต ตั้งแต่ระยะที่ 4 และมีแนวโน้มที่ค่าอัตราการกรองของไตจะลดลงไปเรื่อยๆ จนต้องได้รับการฟอกเลือดภายใน 6 เดือน

ปัจจุบันการฟอกไตมี 2 วิธีหลักๆ
      คือ การฟอกไตทางหลอดเลือด หรือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และ การฟอกไตทางช่องท้อง

การฟอกไตทางหลอดเลือด หรือ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
      เป็นการนำเลือดออกจากร่างกายผู้ป่วยโรคไต ผ่านทางหลอดเลือดดำ เข้าสู่เครื่องไตเทียม ซึ่งทำหน้าที่กรองของเสียแทนไตที่เสื่อมสภาพ จากนั้นนำเลือดที่ฟอกแล้ว กลับเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยอีกครั้ง  

ข้อดีของการฟอกไตทางหลอดเลือด

  • ขจัดของเสียโมเลกุลขนาดกลางและขนาดใหญ่ได้ดี
  • ลดภาวะของเสียคั่งค้างได้ดี
  • ความเสี่ยงติดเชื้อต่ำ เพราะรับบริการ ในโรงพยาบาล และอยู่ในความดูแลของผู้ชำนาญการ
  • ผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ปกติ เช่น อาบน้ำ ว่ายน้ำ เป็นต้น
  • สำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตและหัวใจ จะทำให้การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดมีความคงที่ขึ้น
ข้อจำกัดของการฟอกไตทางหลอดเลือด
  • ผู้ป่วยเดินทางไปทำที่โรงพยาบาลเท่านั้น สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ซึ่งอาจกระทบต่อกิจวัตรประจำวัน
  • ผู้ป่วยไม่สามารถกำจัดของเสียได้ตลอดเวลาเหมือนการฟอกไตทางช่องท้อง ต้องรอจนกว่าจะเดินทางไปฟอกไต
  • ผู้ป่วยต้องจำกัดน้ำและอาหารมากกว่าการฟอกไตทางช่องท้อง เพราะมีโอกาสที่ของเสียจะสะสม คั่งค้างมากเกินไป
  • เส้นเลือดที่ใช้ในการฟอกเลือดอาจมีลักษณะโป่งพองออกมาจนเห็นได้ชัด และมีโอกาสตีบตันได้

3.png

การฟอกไตทางช่องท้อง (Continuous Ambulatory Peritoneal Dialysis: CAPD)
      วิธีนี้ผู้ป่วยจะต้องฝังท่อหรือสายยางแบบถาวรในช่องท้อง เพื่อเป็นช่องทางการเข้า-ออก ของน้ำยาล้างไต โดยปลายสายข้างหนึ่งอยู่ภายในช่องท้อง ส่วนอีกข้างหนึ่งจะโผล่ออกมานอกผิวหนังผู้ป่วย ตำแหน่งต่ำกว่าสะดือเล็กน้อย ซึ่งใช้เป็นจุดเชื่อมต่อกับถุงน้ำยาล้างไต

ข้อดีของการฟอกไตทางช่องท้อง

  • ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล สามารถทำเองได้ที่บ้าน
  • มีอิสระในการกินอาหารมากกว่าการฟอกไตทางหลอดเลือด เพราะมีการปล่อยของเสียออกวันละ 3-4 ครั้ง ซึ่งดีต่อร่างกายในการขับของเสียไม่ให้คั่งค้าง
  • มีทางเลือกใหม่ในการใช้เครื่องอัตโนมัติ หรือวิธี APD ประหยัดเวลา และกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันน้อยลง
ข้อจำกัดของการฟอกไตทางช่องท้อง
  • ผู้ป่วยต้องฟอกไตทุกวัน วันละ 3-4 ครั้ง (กรณีเลือกทำวิธี CAPD) ซึ่งอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
  • มีโอกาสติดเชื้อในช่องท้องได้ง่าย หากดูแลรักษาความสะอาดไม่ดีพอ
  • จำเป็นต้องเข้ารับการติดตามผลจากแพทย์ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ 
  • ผู้ป่วยจะมีท่อหรือสายยางคาไว้บริเวณหน้าท้อง ซึ่งอาจรู้สึกเกะกะ รำคาญได้
  • ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถฟอกไตด้วยวิธีนี้ได้ เช่น ผู้ที่มีผนังช่องท้องอ่อนแอ หรือมีความผิดปกติที่ผนังช่องท้อง ผู้ที่เคยผ่านการผ่าตัดช่องท้อง ผู้ที่มีปัญหาระบบปอด ลำไส้ หรือมีถุงน้ำในไต เป็นต้น
2.png

      สำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง หรือผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย การฟอกไตเป็นทางเลือกในการรักษาที่ช่วยประคับประคองอาการ ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตได้ปกติที่สุด แต่จะเลือกการฟอกไตในรูปแบบใด ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้เหมาะสมกับอาการ และกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้ป่วยให้น้อยที่สุด โรงพยาบาลราชสีมา ฮอสพิทอล มีศูนย์ไตเทียมพร้อมทีมแพทย์และพยาบาลผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมดูแลผู้ป่วยทุกสิทธิ
1.png

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา

iConsFacebook.png iConsInstagram.png iConsLine.png iConsTwitter.png iConsYouTube.png iConsTikTok.png