ป่วยเหมือนไม่ป่วย! โควิดรอบนี้แฝงตัวเงียบกว่าที่คิด
บทความสุขภาพ
ป่วยเหมือนไม่ป่วย! โควิดรอบนี้แฝงตัวเงียบกว่าที่คิด
สถานการณ์ของโรคโควิด ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก จากการระบาดใหญ่ทั่วโลกได้กลายเป็นโรคประจำถิ่น ที่มีการระบาดคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งในประเทศไทยมักพบการระบาดของ COVID-19 ในช่วงหลังสงกรานต์ที่มีการรวมตัวของผู้คนและมีการเดินทางระหว่างจังหวัด ต่อเนื่องไปถึงช่วงเดือนพฤษภาคมที่เด็กนักเรียนเปิดเทอม โดยสายพันธุ์ล่าสุดที่ระบาดในปี 2568 นี้ ส่วนใหญ่เป็นโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน XEC แม้จะมีอาการไม่รุนแรง แต่มีการแพร่ระบาดรวดเร็ว และกลุ่มเสี่ยงยังต้องระมัดระวัง
อาการของโควิดในปี 2568
โดยส่วนใหญ่มีความรุนแรงไม่มากเท่าตอนที่ระบาดเมื่อหลายปีก่อน และไม่ค่อยลงปอดแล้ว ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างต่ำ อาการแสดงเริ่มแรกจากการติดเชื้อโควิด-19 ในระลอกนี้คือ มีไข้สูง ถ้าไม่มีไข้ในวันแรก ก็อาจจะมีไข้ในวันที่ 4 หรือ 5 และปวดเมื่อยตามร่างกาย และอาการอื่นๆ ที่ตามมามักไม่ต่างกับการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ได้แก่
- มีไข้
- เจ็บคอ
- ไอ
- คัดจมูก มีน้ำมูกไหล
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยตามตัว
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- ท้องเสีย
- คลื่นไส้ หรืออาเจียนในบางราย
- สูญเสียการรับกลิ่น หรือรับรส
- ถ้าตรวจพบเชื้อโควิดแล้ว เว้นระยะห่างจากคนทั่วไป 3 วัน และเว้นระยะห่างกับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 10 วัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
- พักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำมากๆ ให้สังเกตว่าอยู่ในภาวะขาดน้ำหรือไม่ เบื้องต้นสังเกตสีของปัสสาวะ ควรเป็นสีเหลืองใส
- รับประทานยาแก้ไข้ได้
- ถ้าไอต่อเนื่องให้รับประทานน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา แต่ห้ามให้ทารกอายุต่ำกว่า 12 เดือนรับประทาน
- หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า และหายใจออกทางปาก เพื่อให้การหายใจดีขึ้น

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา