"ซิลิโคนลอย" หลังเสริมจมูก เช็กอย่างไรก่อนสายเกินแก้
บทความสุขภาพ
06 พ.ย. 2568
ครั้ง
"ซิลิโคนลอย" หลังเสริมจมูก เช็กอย่างไรก่อนสายเกินแก้
ซิลิโคนลอย คือภาวะที่แท่งซิลิโคนเสริมจมูกไม่ได้ยึดติดกับโครงสร้างเดิมอย่างแน่นหนา หรือไม่ได้วางอยู่ใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูก ทำให้ซิลิโคนสามารถขยับหรือเคลื่อนที่ได้เมื่อสัมผัส เป็นปัญหาที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงกว่า เช่น จมูกเบี้ยวผิดรูป หรือซิลิโคนทะลุได้
คุณสามารถเช็กอาการซิลิโคนลอยได้ด้วยตนเองง่าย ๆ ดังนี้ :
วิธีเช็กอาการ "ซิลิโคนลอย" ด้วยตนเอง
ให้รอจนกระทั่งอาการบวมหลังเสริมจมูกลดลงแล้ว (โดยปกติจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนหลังเสริมไปแล้ว 3–6 เดือน) จากนั้นลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ :
การทดสอบการขยับ
- ใช้นิ้วชี้แตะเบา ๆ ที่บริเวณ กลางสันจมูก หรือค่อนไปทางปลายจมูก
- ลอง เลื่อน/โยกนิ้ว ไปทางซ้าย-ขวา หรือกดเบา ๆ
- สัญญาณเตือน หากรู้สึกว่าแท่งซิลิโคนสามารถ เคลื่อนที่ตามนิ้วที่ขยับได้ง่าย หรือขยับไปคนละทิศทางกับเนื้อจมูกเดิมอย่างชัดเจน แสดงว่ามีอาการ "ซิลิโคนลอย"
- มองเห็นขอบซิลิโคน : สังเกตเห็นขอบ มุม หรือรอยของซิลิโคนบริเวณ หัวตา หรือ สันจมูก ชัดเจน ลอยขึ้นมาเป็นแท่ง ไม่แนบสนิทกับโครงสร้างจมูกเดิม
- จมูกผิดรูป/เบี้ยวเอียง : รูปทรงจมูกบิดเบี้ยวหรือเอียงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองตรง
- คลำแล้วเสียว : รู้สึก เสียวแปล๊บ หรือไวต่อความรู้สึกมากผิดปกติเวลาที่สัมผัสหรือลูบสันจมูก

สัญญาณเตือนอื่น ๆ ที่ต้อง "รีบพบแพทย์" ก่อนซิลิโคนทะลุ
หากซิลิโคนลอยร่วมกับอาการเหล่านี้ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบแก้ไขโดยแพทย์ทันที
- ปลายจมูกบางใส/สะท้อนแสง : ผิวบริเวณปลายจมูกบางลงจนเห็นเงาของซิลิโคน หรือเป็นสีขาวใส มันวาวมากขึ้นกว่าปกติ
- ปลายจมูกแดงคล้ำ : เนื้อเยื่อบริเวณปลายจมูกเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม สีคล้ำ หรือมีสีซีดผิดปกติ
- มีอาการเจ็บ/ปวด/บวมอักเสบ : รู้สึกตึง ปวด หรืออุ่นผิดปกติบริเวณสันจมูกหรือปลายจมูก (อาจบ่งบอกถึงการอักเสบหรือติดเชื้อ)
- จมูกงุ้มลง/มีรอยบุ๋ม : สันจมูกเกิดร่อง รอยบุ๋ม หรือปลายจมูกตกและงุ้มลงมากกว่าเดิม

หากคุณพบอาการข้างต้น ไม่ว่าจะมีการเคลื่อนที่ชัดเจนหรือไม่ก็ตาม ควรรีบปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและวางแผนการแก้ไข เพราะการปล่อยให้ซิลิโคนลอยนานเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปัญหาทะลุและติดเชื้อในอนาคตได้

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา