เช็กให้ชัวร์ "ยา&วิตามิน" ที่ห้ามกินคู่กัน!
บทความสุขภาพ
26 ส.ค. 2568
ครั้ง
เช็กให้ชัวร์ "ยา&วิตามิน" ที่ห้ามกินคู่กัน!
เช็กให้ชัวร์! “ยา & วิตามิน” ที่ไม่ควรกินคู่กัน เพราะบางคู่ไม่ใช่เพื่อนรัก…แต่เป็น “คู่กัด” กินพร้อมกันทีไร เสี่ยงทั้งดูดซึมไม่เต็มที่ หรือฤทธิ์ตีกันจนเกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย ก่อนจะหยิบยาหรืออาหารเสริมมารวมมื้อ ลองเช็กว่ามีคู่ไหนที่ควร “แยกกันกิน” บ้าง
วิตามิน C × วิตามิน B12
- วิตามิน C ในปริมาณสูงอาจทำลายโครงสร้างของวิตามิน B12 ทำให้ร่างกายดูดซึม B12 ได้น้อยลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงโดยเฉพาะในคนที่ต้องเสริม B12 เพื่อระบบประสาทและเลือด
- ชาเขียวมีสารแทนนิน (Tannin) ที่จับตัวกับธาตุเหล็กในลำไส้ ทำให้ดูดซึมได้น้อยลง โดยเฉพาะธาตุเหล็กจากพืช ใครที่เสริมธาตุเหล็กควรเลี่ยงดื่มชาเขียวใกล้ๆ มื้อที่กิน
- ทั้งสองอย่างมีกรดไขมันและคุณสมบัติคล้ายกัน การกินพร้อมกันในปริมาณมากอาจทำให้ร่างกายได้รับวิตามิน E เกิน เสี่ยงเวียนหัว คลื่นไส้ หรือแม้แต่เลือดแข็งตัวยาก

ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Warfarin) × น้ำมันปลา / ใบแปะก๊วย / ขิง
- อาหารเสริมเหล่านี้มีฤทธิ์ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น แต่ถ้ารวมกับ Warfarin อาจทำให้เลือดบางเกินไป เสี่ยงเลือดออกง่าย หยุดยาก
- โคเอนไซม์ Q10 อาจลดฤทธิ์ของยาละลายลิ่มเลือด ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ เสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
- แอสไพรินมีฤทธิ์ทำให้เลือดบางอยู่แล้ว ถ้ากินร่วมกับอาหารเสริมเหล่านี้อาจทำให้เลือดออกง่าย หรือมีรอยช้ำบ่อยขึ้น

แคลเซียม × กาแฟ
- คาเฟอีนในกาแฟจะขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ และลดการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ ทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมน้อยลง
- ถ้ารวมกันเกินความต้องการร่างกาย อาจสะสมในรูปแบบนิ่วในไต หรือเกาะตามผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพระยะยาว
- ทั้งคู่แย่งตัวดูดซึมจากลำไส้ การกินพร้อมกันจะทำให้ธาตุเหล็กดูดซึมได้น้อยลง ส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง

เคล็ดลับจำง่าย
- ถ้าต้องกินหลายชนิด ให้แยกมื้อหรือเว้นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- ใครใช้ ยาละลายลิ่มเลือด / ยาต้านการแข็งตัวของเลือด / แอสไพริน → ควร ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนเสริมอาหารเสริมใดๆ

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา