6 โรคผิวหนัง ที่ต้องระวังในฤดูฝน

บทความสุขภาพ

28 มิ.ย. 2568
ครั้ง

6 โรคผิวหนัง ที่ต้องระวังในฤดูฝน
      เมื่อฝนเริ่มโปรยปราย ความชุ่มฉ่ำที่หลายคนรอคอยกลับแฝงมาพร้อม “ภัยสุขภาพผิว” ที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะโรคผิวหนัง ซึ่งมักระบาดหนักในช่วงหน้าฝน เนื่องจากความชื้นในอากาศสูง บวกกับสภาพแวดล้อมที่แฉะ เปียก พื้นดินเฉอะแฉะ และแหล่งน้ำขัง ล้วนเป็นปัจจัยเสริมให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี

วันนี้เรามี 6 โรคผิวหนัง ที่ต้องระวังในฤดูฝนมาฝากทุกคน

น้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot)

      หรือที่เรียกกันติดปากว่า “Hong Kong Foot” คือโรคติดเชื้อราที่พบได้บ่อยในหน้าฝน โดยเฉพาะคนที่ต้องลุยน้ำ หรือสวมรองเท้าเปียกนาน ๆ
  • อาการ : คัน ลอก แสบ ผิวแตกระหว่างนิ้วเท้า หรือฝ่าเท้า และหากปล่อยไว้นานอาจติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย
  • สาเหตุ : เชื้อราชนิดเดียวกับโรคกลาก (Dermatophyte) เจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น
  • การป้องกัน : รักษาเท้าให้แห้ง เลี่ยงรองเท้าชื้น และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัวหรือรองเท้าแตะ
  • การรักษา : ใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา หรือในบางรายอาจต้องใช้ยารับประทาน
กลาก-เกลื้อน (Dermatophytosis & Tinea Versicolor)
      โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราเช่นเดียวกับน้ำกัดเท้า แต่เกิดที่ส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ขาหนีบ ลำตัว หลัง
  • อาการ : ผื่นวงกลม คัน ลอก ขอบแดง หรือมีจุดด่างสีขาวหรือคล้ำ (เกลื้อน)
  • สาเหตุ : ความอับชื้น เหงื่อออกเยอะ ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า
  • การป้องกัน : หมั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แห้ง ใส่เสื้อผ้าระบายอากาศได้ดี
  • การรักษา : ใช้ยาทาฆ่าเชื้อรา หรือยากินในกรณีเรื้อรัง
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Eczema)
      ในผู้ที่มีภูมิแพ้ผิวหนัง ความชื้น เหงื่อ และการเสียดสี ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้ผื่นกำเริบได้
  • อาการ : คันมาก ผิวแห้งแดง ลอก หรืออักเสบง่าย
  • สาเหตุ : ความชื้นที่มากขึ้นในฤดูฝน รวมถึงเหงื่อที่สะสมบริเวณข้อพับหรือใต้อก
  • การป้องกัน : ใช้สบู่อ่อน ๆ เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือสารระคายเคือง
  • การรักษา : ทาครีมบำรุง ทายาแก้แพ้ หรือใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ตามแพทย์แนะนำ
ผื่นจากแมลงกัดต่อย
      หน้าฝนเป็นฤดูกาลของแมลงอย่างยุง ริ้น ด้วงก้นกระดก ที่อาจมากัด หรือสัมผัสผิวแบบไม่ได้ตั้งใจ
  • อาการ : บวม แดง คัน ปวดแสบ หรือเป็นตุ่มน้ำ หากแพ้อาจมีหนอง
  • สาเหตุ : การสัมผัสแมลงที่ปล่อยสารพิษ เช่น ด้วงก้นกระดก หรือการถูกกัด
  • การป้องกัน : สวมเสื้อแขนยาว หลีกเลี่ยงพื้นที่ชื้นมืด และใช้ยากันแมลง
  • การรักษา : ล้างน้ำสะอาด ทายาลดการอักเสบ หากอาการรุนแรงควรพบแพทย์ทันที
เท้ามีกลิ่น (Pitted Keratolysis)
      หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า “เท้าเหม็น” เป็นแค่เรื่องกลิ่น แต่จริง ๆ แล้วอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย!
  • อาการ : ผิวฝ่าเท้าลอกเป็นขุย มีรูเล็ก ๆ กระจาย และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์
  • สาเหตุ : ใส่รองเท้าที่ระบายอากาศไม่ดี เหงื่อเยอะ หรือเป็นเบาหวาน
  • การป้องกัน : เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน ใช้รองเท้าที่แห้ง ระบายอากาศได้ดี
  • การรักษา : ใช้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเฉพาะที่ ควบคุมการเหงื่อออก และดูแลความสะอาด
สิวเห่อช่วงฤดูฝน
      หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่า "สิวขึ้นเยอะ" ช่วงฝนตกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!
  • อาการ : สิวอักเสบ สิวหนอง สิวผด ขึ้นมากกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงแก้ม คาง และใต้หน้ากาก
  • สาเหตุ : ความชื้น อากาศอบอ้าว ทำให้รูขุมขนอุดตัน เชื้อแบคทีเรียเติบโต
  • การป้องกัน : ล้างหน้าให้สะอาด เปลี่ยนหน้ากากทุกวัน เลี่ยงเครื่องสำอางอุดตัน
  • การรักษา : ใช้ยารักษาสิวตามคำแนะนำแพทย์ หากอักเสบรุนแรงควรพบแพทย์ผิวหนัง
      หน้าฝนเป็นหน้าที่อากาศค่อนข้างชื้น กลุ่มที่เป็นผื่นภูมิแพ้ฤดูนี้อาจจะทำให้อาการกำเริบ หลักการทั่วไป คือ ทามอยเจอไรเซอร์ ครีมบำรุงผิวเป็นประจำ หลีกเลี่ยงน้ำขัง น้ำสกปรก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือโดนไปแล้ว ให้ล้างทำความสะอาดและทำให้แห้ง อาจจะใช้แป้งโรย โดยเฉพาะคนที่เคยติดเชื้อรา จะมีแป้งโรยป้องกันเชื้อราก็สามารถช่วยได้ ทั้งนี้ควรดูแลร่างกายตนเองให้แข็งแรง ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นทานผัก และผลไม้ที่มีวิตามิน C, E และเบต้าแคโรทีน เช่น ข้าวโพด แครอท ส้ม ฝรั่ง มะเขือเทศ ดื่มน้ำสะอาด และพักผ่อนให้เพียงพอ หากพบความผิดปกติบริเวณผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโดยตรง เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี
6โรคผิวหนังที่ต้องระวังในฤดูฝน.png

ติดตาม โซเชียลเน็ตเวิร์ก ของเรา

iConsFacebook.png iConsInstagram.png iConsLine.png iConsTwitter.png iConsYouTube.png iConsTikTok.png